-
Distance learning phase
Time fly, now the distance learning phase has started. MALED has 3 modules to complete in 3 months which are: Mathematics and Microeconomics, 5 weeks Macroeconomics and STATA, 3 weeks Statistic and Excel, 4 weeks At the end of each module there will be an examination which you have to take it seriously. You will get a warning that if you failed the exam you may not be able to start the face to face phase!!! (Which I found out later that they just scared you to study) The course will provide a compulsory reading list and textbook in PDF file. Some are clear but some are scanned which is…
-
การขอ Declaration of Value(等価証明)จากญี่ปุ่น
ในการไปศึกษาต่อที่ประเทศอิตาลีนั้น ถ้าหากวุฒิที่ถืออยู่ก่อนหน้าไม่ใช่วุฒิที่ออกโดยหน่วยงานในประเทศอิตาลีแล้วมีความจำเป็นต้องออกเอกสารรับรองวุฒิที่เรียกว่า Declaration of Value (DoV หรือ 等価証明) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก เสียเงิน เสียเวลาพอตัว ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเรียนจบเมืองนอก ไม่ได้จบมหาวิทยาลัยในไทยเหมือนผม (จบญี่ปุ่น) ความวุ่นวายก็จะเริ่มทวีคูณเพราะเจ้าใบ DoV นั้นจะต้องขอจากสถานทูตอิตาลีที่มีเขตอาณาครอบคลุมมหาลัยที่เราเรียนอยู่ ซึ่งมหาวิทยาลัยผมอยู่จังหวัดคานากาว่า จึงต้องไปขอที่สถานทูตอิตาลีที่โตเกียว ข้อมูลต่อไปนี้จึงสำหรับผู้ที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่อยู่ในพื้นที่ดูแลของโตเกียว ถ้าหากจบภูมิภาคอื่นเช่น คันไซ อาจจะต้องไปยื่นที่สถานกงสุลประจำกรุงโอซาก้าแทน ทั้งนี้รายละเอียดและเอกสารที่ใช้น่าจะใกล้เคียงกัน ติดต่อขอข้อมูลล่าสุดทางอีเมลโดยเมลไปที่แผนกกงสุล (ข้อมูลในเว็บมีน้อยมาก) โดยทางกงสุลตอบมาว่าใช้เอกสารและมีขั้นตอนดังนี้ ออกเอกสาร 卒業証明書 (Graduation Certificate), 成績証明書 (Transcript) ใหม่ เพราะการรับรองเอกสารนั้นจะทำให้เฉพาะเอกสารที่ออกไว้ไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้น เอกสารที่ออกจะเป็นภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่นก็ได้ แต่ต้องมีตราประทับของมหาลัยด้วย เอกสารของมหาลัยผมแปลกหน่อย ถ้าออกเป็นภาษาอังกฤษจะเป็นลายเซ็นอาจารย์ใหญ่แต่ถ้าเป็นภาษาญี่ปุ่นจะเป็นตราประทับ ผมจึงเลือกออกเอกสารภาษาญี่ปุ่นเพราะถ้าเอกสารไม่มีตราประทับจะเอาไปรับรองตามข้อที่ 2 ไม่ได้ – ระยะเวลา ขึ้นอยู่กับมหาลัย ปกติก็น่าจะราว 2-5 วันทำการ – ค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับมหาลัย ปกติก็น่าจะฟรี – ขอเอกสารอย่างไร ขึ้นอยู่กับมหาลัย ของผมใช้วิธีปริ้นใบคำขอจากอินเตอร์เน็ต กรอกแล้วส่งไปรษณีย์พร้อมสอดซองติดแสตมป์กลับ หลายแห่งจะไม่ส่งมายังต่างประเทศแม้จะติดแสตมป์ถูกต้องก็ตาม เอาเอกสาร Graduation Certificate, Transcript ไปทำการรับรองตราประทับที่กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น (โตเกียวและโอซาก้า) โดยการรับรองตราประทับนี้จะเรียกว่า 公印確認 หรือไม่ก็ アポスティーユ (Apostille) แต่เท่าที่อ่านรายละเอียดแล้วจะพบว่าเอกสารด้านการศึกษาที่ออกโดยมหาวิทยาลัยรัฐจะต้องใช้ 公印確認 โดยขั้นตอนและวิธีการโดยละเอียดศึกษาได้จากเว็บนี้ ข้อควรระวังคือใบคำขอ ต้องเขียน 1 ใบต่อชนิดของเอกสารที่จะรับรอง อย่าง Graduation Certificate, Transcript นับเป็น 2 ก็ต้องใช้ 2 ใบ เบอร์โทรศัพท์ต้องเป็นเบอร์ที่ติดต่อได้จริงเพราะเขาจะโทรมาเช็ค (หากยื่นทางไปรษณีย์) ในกรณีผมมอบอำนาจให้เพื่อนเป็นผู้จัดการให้และใส่เบอร์โทรเพื่อนลงไป แต่ถ้าหากไปยื่นด้วยตัวเองก็จะไม่มีปัญหานี้ ทั้งนี้เอกสารที่ยื่นรับรองจะไม่อนญาตให้ทำเผื่อไว้ ให้ยื่นตามจำนวนที่จะใช้เท่านั้น – ระยะเวลา ถ้ายื่นเองจะได้รับวันรุ่งขึ้น ทางไปรษณีย์ปกติก็น่าจะราว 2-5 วันทำการ – ค่าใช้จ่าย ฟรี – ขอเอกสารอย่างไร ยื่นด้วยตนเองหรือส่งไปรษณีย์ (ต้องแนบซองส่งเอกสารคืน ไม่รับส่งเอกสารคืนไปต่างประเทศ) เอาเอกสารที่รับรองแล้วไปให้นักแปลที่ขึ้นทะเบียนกับสถานทูตทำการแปลและยื่นรับรองให้รายชื่อนักแปลสามารถดูได้ที่นี่ จากประสบการณ์ราคาจะแตกต่างกันมากแล้วแต่ตามที่นักแปลจะเรียก โดยพบว่าเอกสารสั้นๆ อย่างใบจบนั้นจะอยู่ที่ 1500-4500 เยน ส่วนใบเกรดนั้นยาวกว่ามักจะอยู่ที่ 7000-10000 เยน และนักแปลที่เป็นชาวอิตาลีจะคิดราคาถูกกว่านักแปลที่เป็นชาวญี่ปุ่น การเลือกนักแปลก็ขึ้นอยู่กับว่าเขารับแปลภาษาอะไรได้บ้าง (อังกฤษ ญี่ปุ่น)…
-
การขอวีซ่านักเรียนอิตาลี (Italian Student Visa Application)
การขอวีซ่านักเรียนอิตาลีนั้นเป็นวีซ่าประเภทระยะยาว Long Stay D Visa ขั้นตอนการขอและเอกสารที่ใช้จะไม่เหมือนกับท่องเที่ยว เอกสารที่ใช้หลักๆ ก็ตามรายการที่มีอยู่ในเว็บของ VFS แต่ก็มีที่ไม่เหมือนกันอยู่บ้าง จากประสบการณ์ที่ไปขอมาใช้เอกสารจริงดังนี้ ใบสมัคร โหลดได้ที่นี่ พร้อมรูปถ่ายสี 2 นิ้วทั่วไป พื้นหลังขาวเท่านั้น 1 รูปทากาวแปะลงใบสมัคร อีกรูปเขียนชื่อด้านหลังเอาคลิปเหน็บไป ตั๋วเครื่องบิน ซึ่งถ้าใครไปเรียนนาน เช่น เกินปี สามารถซื้อตั๋วขาเดียวได้ โดยถ้าตั๋วนั้นไปลงประเทศอื่นในเขตเชงเก้นก่อนเข้าอิตาลีต้องระบุให้ชัดในใบสมัคร ไม่งั้นมีปัญหาแน่ๆ (วีซ่าจะออกเป็น Italy+Schengen State) หนังสือตอบรับจากสถานศึกษา ที่มีรายละเอียดของระยะเวลาเรียน ที่พัก ประกันต่างๆ ซึ่งถ้าไม่ได้ระบุไว้ต้องเอาหลักฐานแต่ละเรื่องมาเพิ่มเอง เอกสารการเงิน ออกเป็นภาษาอังกฤษ ต้องใช้ 2 อย่าง – ขอหนังสือรับรองฐานะทางการเงินจากธนาคาร 1 ใบ (กรุงไทยคิด 100 บาท) ซึ่งใบนี้จะระบุยอดเงินเท่านั้น บางธนาคารแปลงเป็นเงินต่างชาติให้ด้วยก็ควรระบุ EUR – รายการเดินบัญชีหรือ Statement ย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน อันนี้จะขอจากธนาคารก็ได้แต่มีค่าธรรมเนียม ใช้ที่ปริ้นท์จากอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งได้เหมือนกัน ถ่ายสำเนาบุ้คแบงค์ไม่แน่ใจว่าได้หรือไม่ *เอกสารเหล่านี้มีปัญหากันมาก ในเว็บระบุว่าเอกสารออกไม่เกิน 15 วัน (แต่เพื่อความชัวร์ก็ควรจะขอไม่เกิน 7 วัน) โดยต้องมีรายการเดินบัญชีหรืออัพเดตล่าสุดไม่เกิน 7 วัน บัญชีก็ควรมีเงินจำนวนที่พอเหมาะ มีการเคลื่อนไหวเรื่อยๆ ถ้าใช้บัญชีเงินเก็บซึ่งไม่ค่อยเคลื่อนไหว ก็อาจจะฝากถอนเล็กน้อยก่อนขอเอกสารให้มันดูว่าอัพเดตในเร็ววัน หนังสือรับรองการทำงาน การเป็นนักศึกษา การลาเรียน ถ้ามี สำเนาทะเบียนบ้านพร้อมแปลเป็นภาษาอังกฤษ ตัวจริงไม่ต้องแต่ติดไปด้วยก็ดี แปลเองไม่ต้องจ้างก็ได้ ไม่ต้องไปรับรองคำแปลที่กงสุล สำเนาหน้าแรกพาสปอร์ต 1 ชุด (ในเว็บบอก 2 แต่ไปจริงเขาคืนมา 1) ถ้ามีวีซ่าเชงเก้น อเมริกา อังกฤษ แคนาดา ถ่ายแนบไปด้วยก็ได้ ถ้าอยู่ในเล่มเก่าให้ถ่ายหน้าแรกไปด้วย เล่มเก่าไม่ได้ขอดูแต่พกไปด้วยก็ดี การยื่นนั้นให้ยื่นตรงที่ ชั้น 27 ตึก CRC Tower, All Seasons Place ไปช่วงเช้าเท่านั้น ไม่ต้องจองคิว ถ้าเอกสารเรียบร้อยดีก็จะนัดรับเล่มราวๆ 7 วันให้หลัง ค่าวีซ่าถูกดี 50EUR คำนวณเป็นเงินบาทด้วยเรท…
-
The result came!
I got this exciting email on 15 Sep. As I am pretty sure that I will get admitted anyway (because I have heard that they prefer people with work experience, especially with labour organization), the thing I really want to know is “do I get a scholarship or not”. My country is in “upper middle income countries by ODA” (my income is definitely not upper middle at all), I have a very low chance to get one but fortunately the committee grant me a free accommodation on site and I would only pay full tuition fee. For me €7000 is hurting my saving badly but investing in education now seems…
-
Applying for Master
I have been working 10+ years for Ministry of Labour since my graduation. It is a long time and I do really need a break from my job but yet still don’t want to quit, a study leave seem to be a perfect choice. As I am 30+ years old and a last touch of an academic is more than 10 years ago, I am really not in a position to compete with a fresh young graduates. My colleague had recommended me to check out on ITCILO’s courses sometime ago and I found one that is really attractive, Master in Applied Labour Economics for Development or MALED. There are several advantage for doing…