Travel
-
การขอวีซ่าเชงเกนเนเธอร์แลนด์ แบบยื่นตรงที่สถานทูต (The Netherlands Schengen Visa Application)
โดยปกติแล้วการยื่นขอวีซ่าจะผ่านตัวแทนคือ VFS ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ค่อนข้างแพง (แต่ก็แลกกับความสะดวกเล็กน้อย) ถ้ายื่นตรงจะประหยัดกว่ามาก เดิมทีจะอนุญาตให้ยื่นตรงแค่วีซ่าระยะยาว (D) แต่เดี๋ยวนี้วีซ่าเชงเกนก็สามารถยื่นตรงได้เช่นกัน หลักการก็เหมือนขอวีซ่าเชงเกนทั่วๆ ไป โดยแค่กดนัดหมายวันยื่นวีซ่าที่เว็บนี้ ซึ่งเท่าที่สังเกตุดูในแต่ละวันจะรับจำนวนน้อยมากและมีแค่ช่วงบ่ายเท่านั้น เอกสารที่ใช้ก็ตามที่ลิสต์เอาไว้ในเว็บของ VFS แบบฟอร์มที่กรอกและเซ็นชื่อ รูปถ่ายพื้นหลังขาว 1 รูป แนบไปต่างหากไม่ต้องทากาวลงบนใบสมัคร แผนการท่องเที่ยว ใบจองหรือตั๋วเครื่องบิน ใบจองโรงแรม กรมธรรม์เดินทางไปต่างประเทศ จดหมายรับรองการทำงาน หลักฐานทางการเงินย้อนหลัง 3 เดือน จะใช้สำเนาบุ๊คแบงค์ (ชื่อบัญชีต้องเป็นภาษาอังกฤษ) หรือสเตทเมนต์ที่ปริ้นจากอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งก็ได้ (ภาษาอังกฤษ) ใครอยากเสียเงินไปขอหนังสือรับรองหรือสเตทเมนต์จากธนาคารก็ได้ตามสะดวก สำเนาหน้าหนังสือเดินทาง 2 ฉบับ จะใส่สำเนาเชงเก้นวีซ่าเก่าๆ ลงไปด้วยก็ได้ แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร เอกสารเชคลิสต์ ปริ้นแล้วติ้กถูกตามเอกสารที่มี เอกสารอื่นๆ สำเนานั่นนู่นนี่ บัตรประชาชนเอย ทะเบียนบ้านเอยไม่ต้องขนไปให้เกะกะ อย่าไปเชื่อกระทู้พันทิปมาก ถึงวันนัดก็เดินทางไปสถานทูตที่ซอยต้นสน ใช้เวลาไม่นานก็ยื่นเสร็จ ค่าวีซ่า 60EUR แปลงเป็นเงินบาทวันต่อวัน จ่ายเงินสดหรือบัตรเครดิต (ไม่ชาร์จ แต่ตัดเป็นเงินยูโร) ก็ได้ ถ้าต้องการให้ส่งไปรษณีย์เพิ่มอีก 70 บาท ถูกและสะดวกมากๆ ทั้งหมดก็จ่ายไป 2350 บาทเท่านั้น ถูกกว่า VFS เยอะมาก (ราคาวันที่ 18 ก.ย. 2561) ยื่นไปวันอังคาร ได้รับเมล (ไม่ต้องไปเสียค่าโง่ SMS ให้ VFS) แจ้งว่าหนังสือเดินทางมาถึงสถานทูตที่กรุงเทพแล้วในวันจันทร์ถัดไปและได้รับ EMS ในวันรุ่งขึ้น รวมเวลาแค่ 7 วันเท่านั้น ถ้าใครเครดิตดีก็ได้วีซ่ายาวๆ ถึงก่อนหมดอายุหนังสือเดินทาง 3 เดือน (เต็มที่ 4 ปี 9 เดือน)
-
การขอ Declaration of Value(等価証明)จากญี่ปุ่น
ในการไปศึกษาต่อที่ประเทศอิตาลีนั้น ถ้าหากวุฒิที่ถืออยู่ก่อนหน้าไม่ใช่วุฒิที่ออกโดยหน่วยงานในประเทศอิตาลีแล้วมีความจำเป็นต้องออกเอกสารรับรองวุฒิที่เรียกว่า Declaration of Value (DoV หรือ 等価証明) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก เสียเงิน เสียเวลาพอตัว ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเรียนจบเมืองนอก ไม่ได้จบมหาวิทยาลัยในไทยเหมือนผม (จบญี่ปุ่น) ความวุ่นวายก็จะเริ่มทวีคูณเพราะเจ้าใบ DoV นั้นจะต้องขอจากสถานทูตอิตาลีที่มีเขตอาณาครอบคลุมมหาลัยที่เราเรียนอยู่ ซึ่งมหาวิทยาลัยผมอยู่จังหวัดคานากาว่า จึงต้องไปขอที่สถานทูตอิตาลีที่โตเกียว ข้อมูลต่อไปนี้จึงสำหรับผู้ที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่อยู่ในพื้นที่ดูแลของโตเกียว ถ้าหากจบภูมิภาคอื่นเช่น คันไซ อาจจะต้องไปยื่นที่สถานกงสุลประจำกรุงโอซาก้าแทน ทั้งนี้รายละเอียดและเอกสารที่ใช้น่าจะใกล้เคียงกัน ติดต่อขอข้อมูลล่าสุดทางอีเมลโดยเมลไปที่แผนกกงสุล (ข้อมูลในเว็บมีน้อยมาก) โดยทางกงสุลตอบมาว่าใช้เอกสารและมีขั้นตอนดังนี้ ออกเอกสาร 卒業証明書 (Graduation Certificate), 成績証明書 (Transcript) ใหม่ เพราะการรับรองเอกสารนั้นจะทำให้เฉพาะเอกสารที่ออกไว้ไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้น เอกสารที่ออกจะเป็นภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่นก็ได้ แต่ต้องมีตราประทับของมหาลัยด้วย เอกสารของมหาลัยผมแปลกหน่อย ถ้าออกเป็นภาษาอังกฤษจะเป็นลายเซ็นอาจารย์ใหญ่แต่ถ้าเป็นภาษาญี่ปุ่นจะเป็นตราประทับ ผมจึงเลือกออกเอกสารภาษาญี่ปุ่นเพราะถ้าเอกสารไม่มีตราประทับจะเอาไปรับรองตามข้อที่ 2 ไม่ได้ – ระยะเวลา ขึ้นอยู่กับมหาลัย ปกติก็น่าจะราว 2-5 วันทำการ – ค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับมหาลัย ปกติก็น่าจะฟรี – ขอเอกสารอย่างไร ขึ้นอยู่กับมหาลัย ของผมใช้วิธีปริ้นใบคำขอจากอินเตอร์เน็ต กรอกแล้วส่งไปรษณีย์พร้อมสอดซองติดแสตมป์กลับ หลายแห่งจะไม่ส่งมายังต่างประเทศแม้จะติดแสตมป์ถูกต้องก็ตาม เอาเอกสาร Graduation Certificate, Transcript ไปทำการรับรองตราประทับที่กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น (โตเกียวและโอซาก้า) โดยการรับรองตราประทับนี้จะเรียกว่า 公印確認 หรือไม่ก็ アポスティーユ (Apostille) แต่เท่าที่อ่านรายละเอียดแล้วจะพบว่าเอกสารด้านการศึกษาที่ออกโดยมหาวิทยาลัยรัฐจะต้องใช้ 公印確認 โดยขั้นตอนและวิธีการโดยละเอียดศึกษาได้จากเว็บนี้ ข้อควรระวังคือใบคำขอ ต้องเขียน 1 ใบต่อชนิดของเอกสารที่จะรับรอง อย่าง Graduation Certificate, Transcript นับเป็น 2 ก็ต้องใช้ 2 ใบ เบอร์โทรศัพท์ต้องเป็นเบอร์ที่ติดต่อได้จริงเพราะเขาจะโทรมาเช็ค (หากยื่นทางไปรษณีย์) ในกรณีผมมอบอำนาจให้เพื่อนเป็นผู้จัดการให้และใส่เบอร์โทรเพื่อนลงไป แต่ถ้าหากไปยื่นด้วยตัวเองก็จะไม่มีปัญหานี้ ทั้งนี้เอกสารที่ยื่นรับรองจะไม่อนญาตให้ทำเผื่อไว้ ให้ยื่นตามจำนวนที่จะใช้เท่านั้น – ระยะเวลา ถ้ายื่นเองจะได้รับวันรุ่งขึ้น ทางไปรษณีย์ปกติก็น่าจะราว 2-5 วันทำการ – ค่าใช้จ่าย ฟรี – ขอเอกสารอย่างไร ยื่นด้วยตนเองหรือส่งไปรษณีย์ (ต้องแนบซองส่งเอกสารคืน ไม่รับส่งเอกสารคืนไปต่างประเทศ) เอาเอกสารที่รับรองแล้วไปให้นักแปลที่ขึ้นทะเบียนกับสถานทูตทำการแปลและยื่นรับรองให้รายชื่อนักแปลสามารถดูได้ที่นี่ จากประสบการณ์ราคาจะแตกต่างกันมากแล้วแต่ตามที่นักแปลจะเรียก โดยพบว่าเอกสารสั้นๆ อย่างใบจบนั้นจะอยู่ที่ 1500-4500 เยน ส่วนใบเกรดนั้นยาวกว่ามักจะอยู่ที่ 7000-10000 เยน และนักแปลที่เป็นชาวอิตาลีจะคิดราคาถูกกว่านักแปลที่เป็นชาวญี่ปุ่น การเลือกนักแปลก็ขึ้นอยู่กับว่าเขารับแปลภาษาอะไรได้บ้าง (อังกฤษ ญี่ปุ่น)…
-
การขอวีซ่านักเรียนอิตาลี (Italian Student Visa Application)
การขอวีซ่านักเรียนอิตาลีนั้นเป็นวีซ่าประเภทระยะยาว Long Stay D Visa ขั้นตอนการขอและเอกสารที่ใช้จะไม่เหมือนกับท่องเที่ยว เอกสารที่ใช้หลักๆ ก็ตามรายการที่มีอยู่ในเว็บของ VFS แต่ก็มีที่ไม่เหมือนกันอยู่บ้าง จากประสบการณ์ที่ไปขอมาใช้เอกสารจริงดังนี้ ใบสมัคร โหลดได้ที่นี่ พร้อมรูปถ่ายสี 2 นิ้วทั่วไป พื้นหลังขาวเท่านั้น 1 รูปทากาวแปะลงใบสมัคร อีกรูปเขียนชื่อด้านหลังเอาคลิปเหน็บไป ตั๋วเครื่องบิน ซึ่งถ้าใครไปเรียนนาน เช่น เกินปี สามารถซื้อตั๋วขาเดียวได้ โดยถ้าตั๋วนั้นไปลงประเทศอื่นในเขตเชงเก้นก่อนเข้าอิตาลีต้องระบุให้ชัดในใบสมัคร ไม่งั้นมีปัญหาแน่ๆ (วีซ่าจะออกเป็น Italy+Schengen State) หนังสือตอบรับจากสถานศึกษา ที่มีรายละเอียดของระยะเวลาเรียน ที่พัก ประกันต่างๆ ซึ่งถ้าไม่ได้ระบุไว้ต้องเอาหลักฐานแต่ละเรื่องมาเพิ่มเอง เอกสารการเงิน ออกเป็นภาษาอังกฤษ ต้องใช้ 2 อย่าง – ขอหนังสือรับรองฐานะทางการเงินจากธนาคาร 1 ใบ (กรุงไทยคิด 100 บาท) ซึ่งใบนี้จะระบุยอดเงินเท่านั้น บางธนาคารแปลงเป็นเงินต่างชาติให้ด้วยก็ควรระบุ EUR – รายการเดินบัญชีหรือ Statement ย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน อันนี้จะขอจากธนาคารก็ได้แต่มีค่าธรรมเนียม ใช้ที่ปริ้นท์จากอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งได้เหมือนกัน ถ่ายสำเนาบุ้คแบงค์ไม่แน่ใจว่าได้หรือไม่ *เอกสารเหล่านี้มีปัญหากันมาก ในเว็บระบุว่าเอกสารออกไม่เกิน 15 วัน (แต่เพื่อความชัวร์ก็ควรจะขอไม่เกิน 7 วัน) โดยต้องมีรายการเดินบัญชีหรืออัพเดตล่าสุดไม่เกิน 7 วัน บัญชีก็ควรมีเงินจำนวนที่พอเหมาะ มีการเคลื่อนไหวเรื่อยๆ ถ้าใช้บัญชีเงินเก็บซึ่งไม่ค่อยเคลื่อนไหว ก็อาจจะฝากถอนเล็กน้อยก่อนขอเอกสารให้มันดูว่าอัพเดตในเร็ววัน หนังสือรับรองการทำงาน การเป็นนักศึกษา การลาเรียน ถ้ามี สำเนาทะเบียนบ้านพร้อมแปลเป็นภาษาอังกฤษ ตัวจริงไม่ต้องแต่ติดไปด้วยก็ดี แปลเองไม่ต้องจ้างก็ได้ ไม่ต้องไปรับรองคำแปลที่กงสุล สำเนาหน้าแรกพาสปอร์ต 1 ชุด (ในเว็บบอก 2 แต่ไปจริงเขาคืนมา 1) ถ้ามีวีซ่าเชงเก้น อเมริกา อังกฤษ แคนาดา ถ่ายแนบไปด้วยก็ได้ ถ้าอยู่ในเล่มเก่าให้ถ่ายหน้าแรกไปด้วย เล่มเก่าไม่ได้ขอดูแต่พกไปด้วยก็ดี การยื่นนั้นให้ยื่นตรงที่ ชั้น 27 ตึก CRC Tower, All Seasons Place ไปช่วงเช้าเท่านั้น ไม่ต้องจองคิว ถ้าเอกสารเรียบร้อยดีก็จะนัดรับเล่มราวๆ 7 วันให้หลัง ค่าวีซ่าถูกดี 50EUR คำนวณเป็นเงินบาทด้วยเรท…
-
การขอวีซ่าไอร์แลนด์ (Ireland Visa Application)
โดยปกติแล้วคนไทยมักแวะไปเที่ยวไอร์แลนด์จากอังกฤษหรือไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งจะได้รับยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่าไอร์แลนด์ถ้ามีวีซ่าอังกฤษแบบมัลติเพิล แต่ถ้าหากเดินทางมาถึงไอร์แลนด์โดยตรง เช่น บินลงดับบลินหรือแชนนอน โดยไม่ผ่านอังกฤษจะต้องขอวีซ่าไอร์แลนด์เท่านั้น รายละเอียดการขอวีซ่าให้ดูเอกสารแนบด้านล่าง ทั้งนี้มีข้อควรระวังดังนี้ เอกสารที่เป็นภาษาไทยต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยสำนักแปลเท่านั้น แปลเองไม่ได้ ทั้งนี้ไม่ต้องเอาไปรับรองที่กรมการกงสุล เอกสารการเงิน ต้องใช้สเตทเมนต์ย้อนหลัง 6 เดือน (ไม่ใช่รับรองเงินฝากที่ออกมาโดยระบุยอดสุดท้ายยอดเดียว) พร้อมที่อยู่ ภาษาอังกฤษ จากธนาคารเท่านั้น ใช้สำเนาบุ๊คแบงค์ ปริ้นจากอินเตอร์เน็ตแบงค์ไม่ได้ เดินทางด้วยกัน ฝากไปยื่นแทนได้ แต่เอกสารต้องของใครของมัน แม้จะนอนโรงแรมเดียวกันก็ต้องทำเอกสารคนละชุด ระบุชื่อผู้เข้าพักในใบจองโรงแรมด้วย ใช้เวลาดำเนินการ 4-8 สัปดาห์ ถ้าหากมีธุระต้องเดินทาง เจ้าหน้าที่บอกว่าขอเล่มหนังสือเดินทางกลับไปก่อนได้ แล้วเอามาแปะวีซ่าวันหลัง (ของผมใช้เวลา 3 สัปดาห์) สิ่งที่ไม่มีในลิสต์แต่พอไปยื่นจริงจะเอาคือ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (อันนี้แย้งไปว่ามีทะเบียนบ้านแล้วจะเอาไปอีกทำไม เจ้าหน้าที่เลยบอกว่าไม่ต้องก็ได้??), สำเนาหนังสือเดินทางทุกหน้าที่ใช้แล้ว มีเล่มเก่าก็เอาด้วย ค่าวีซ่า 2,400+ค่าสื่อสาร 400 เป็น 2,800 จ่ายเงินสด ดาวน์โหลด เอกสารแนะนำการขอวีซ่าได้ที่นี่ TOURIST VISA
-
การขอวีซ่าอียิปต์ (Egypt Visa Application)
ขอไม่ยากแต่เรื่องมากเล็กน้อย เอกสารที่ใช้ ใบคำขอวีซ่า (Download แบบฟอร์ม) ฟอร์มนี้ใช้ขอที่สถานทูตในกรุงเทพฯ ได้ อย่าไปเอาใบอื่นๆ ที่อยู่ตามเว็บบริษัททัวร์ที่มักจะเป็นใบสำหรับยื่นที่ Washington DC, London รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป พื้นหลังขาว ทากาวติดลงใบคำขอเลย 1 รูป ใบรับรองสถานะทางการเงินจากธนาคาร (เป็นใบที่สรุปฐานะทางการเงิน ยอดเงินฝากรวม ไม่ใช่รายการเดินบัญชีหรือสเตทเมนต์) ไม่สามารถใช้สำเนาสมุดคู่ฝากได้ ค่าธรรมเนียมประมาณ 100 บาท เอกสารรับรองการทำงาน ตั๋วเครื่องบิน ใบจองโรงแรม แผนการเดินทาง (อันนี้อยากใส่เข้าไปเอง) หนังสือเดินทางและสำเนาหน้าแรก 1 หน้า (อายุต้องเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน) ที่สถานทูตไม่มีกาว ปากกาไว้บริการให้นำไปเองหรือทำให้เสร็จก่อนไปถึง ขั้นตอนการยื่นจนได้รับวีซ่า ไปที่ ชั้น 31 อาคารสรชัย ถนนเอกมัย ยื่นวีซ่าช่วงเช้า 9:30-12:00 ยังไม่ต้องจ่ายเงิน เจ้าหน้าที่จะให้สลิปรับเล่ม โดยปกติจะนัด 3 สัปดาห์ให้หลัง (ไม่เร็วเหมือนเมื่อก่อนแล้ว) ให้โทรสอบถามว่าวีซ่าได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลอียิปต์หรือไม่ ถ้าได้ก็ไปชำระเงิน 2100 บาท (ถ้าขอ Multiple 3000 บาท) ชำระเงินเสร็จ วันรุ่งขึ้นไปรับหนังสือเดินทางคืน 14:00-15:00 สรุปต้องมาสถานทูต 3 รอบ ถ้าไปช่วงวันจันทร์หรือวันศุกร์คนอาจจะเยอะ ในห้องจะมีเจ้าหน้าที่ชาวอียิปต์คอยสร้างความสับสนวุ่นวาย เจ้ากี้เจ้าการ จัดคิวโน้นแซงคิวนี้ทั้งๆ ที่บัตรคิวก็มี น่ารำคาญมาก เจ้าหน้าที่รับยื่นวีซ่าเป็นคนไทยใจดี มีปัญหาอะไรปรึกษาได้ โทร 027269831-3 แผนที่ จาก BTS เดินเอาก็ได้ไม่ไกล 500 เมตรเอง