-
หิมะถล่ม ๒
๑๘ ก.พ. ตามเคยสไตล์ภูฏาน นัด ๖ โมง โทรไป ๗ โมงก็ยังไม่ออก ฮ่าๆ เราก็เลยนอนต่ออย่างสบายอารมณ์ พอเช้าแดดออกอากาศก็อุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว หิมะก็เริ่มละลายไปเยอะแล้ว คว้ากล้องออกไปถ่ายรูปรอบๆ รวมถึง Jakar Dzong สักประมาณ ๙ โมงลุงก็โทรมาบอกว่าพร้อมออกเดินทาง ก็ไปเคาะเรียกเจ้ Tshering ให้ไปเจรจากับลุงเอง พอลุงมารับ ลุงก็มองหน้าเหล่ๆแล้วถามว่า Charo เหรอ ไม่รู้จะตอบยังไงดี เก็บของเสร็จลุงก็ขับไปจอดรอที่ลานรถบัสเพื่อรอไฟเขียวจาก RSTA อีกทีหนึ่ง ระหว่างรอก็คุยกับเจ้ไปเรื่อยๆและก็ได้ความว่ามีอีกคนจะขอติดรถไป Lobesa ด้วย คราวนี้สมาชิกเต็มคันเลย ออกไปได้สักพักก็ยังครื้นเครงอยู่พอรถเริ่มขึ้นเขาเท่านั้นแหละในช่วงโค้งที่อยู่ในร่มหิมะยังไม่ละลายและหนา เอาแล้วรถเริ่มติดหล่มแล้ว ตายละวา แรกๆก็ยังพอไปได้ ขึ้นไปสักพักเริ่มจอดติดกันเป็นขบวนถ้าคันหน้าติดเราก็ไปไม่ได้ต้องลงไปช่วยกันเข็น ช่วงแรกๆ ติดไม่มากนักใช้ ๔-๕ คนเข็นก็หลุดจากหล่ม แต่เวลาออกแรงเข็นนั้นเหนื่อยมากเพราะพื้นลื่นและเย็น ขึ้นไปเรื่อยๆ ก็มีพวกคนงานจาก RSTA มาช่วยกันกวาดหิมะและมีรถตักดิน JCB คอยกวาดหิมะอยู่แค่ ๑ ครัน พอพ้นช่วงช่องเขาไปได้ก็เริ่มลงไม่มีปัญหาอะไรยาวไปจนถึง Chumei จนกระทั่ง พอเริ่มไต่ระดับอีกครั้งก็เจอปัญหาอีก ช่วงหลังๆนี้มีหน่วยกู้ภัยใส่เสื้อสีส้มๆ ออกมาช่วยกันเข็นรถมากขึ้นแต่ก็ไม่ได้มีเครื่องมือแซะหรือกวาดหิมะสักเท่าไร พอใกล้ Yotonla นี่เริ่มหนักข้อ เข็นแล้วก็ติดๆ แทนจะทุกๆ ๑๐ เมตรเลย พอเร่งเครื่องแรงๆ ล้อก็ฟรีและแฉลบออกซ้ายขวา บางครั้งแฉลบออกจะลงเหวเป็นที่หวาดเสียวดีแท้ ลงไปช่วยเขาเข็นรถจนแทบหมดแรงแถมรองเท้าแฉะ ฉ่ำ เย็นไปหมด รู้อย่างนี้เอารองเท้าเดินเขามาแต่ทีแรกก็สบายไปแล้ว พอถึง Yotonla นึกว่าจะรอดแล้วที่ไหนได้แม้แต่ขาลงรถก็ติดหล่มอีก หิมะที่นี่หนากว่าที่อื่นลำบากมากๆ เจอรถบรรทุกคันหนึ่งถึงกับจอดเอาเตาแก้สมาต้มหิมะทำกับข้าวกินรอกันเลย ระหว่างทางมีรถที่จะไปบุมทังจอดรอสวนอยู่มากพอสมควร พอเริ่มหลุดไปได้และความสูงลดลง หิมะน้อยลงรถก็วิ่งได้ปกติ พอใกล้ถึง Trongsa รถก็วิ่งฉิว พอเข้าเมืองก็พบว่า RSTA ยังกักรถไม่ให้มุ่งหน้าบุมทังอยู่ มีคนนั่งๆนอนๆ รอตามข้างถนนมากมาย ถึงทรองซาตอน ๓ โมงครึ่งถึงได้กินข้าวกลางวัน มื้อนี้เจ้ Tshering เป็นเจ้าภาพเพราะไม่ได้ช่วยเขาเข็นรถเลย กินข้าวเสร็จก็เดินทางต่อ ระกว่างทางมี Coaster บัสสวนมาหลายคัน เท่าที่ดูคงต้องจบที่ทรองซาท่าทางจะลำบากเพราะเมืองเล็ก โรงแรมไม่น่าจะมีเยอะพอสำหรับคนขนาดนั้น (ปกติรถก็ไม่แวะพักที่นี่อยู่แล้ว) พอใกล้ถึง Perila หิมะก็เริ่มหนาขึ้น ทุ่งนาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่เป็นสปอตถ่ายรูปก็ขาวโพลนไปด้วยกิมะ โชคดีที่รถไม่ติดหล่มอะไร ยาวไปจนถึงทิมพู ตาลุงคนขับก็ไม่รู้จะขี้ร้อนไปไหนต้องเปิดกระจกขับรถ ลมเข้ามาก็หนาวมากๆ…
-
หิมะถล่ม ๑
เมื่อวันที่ ๑๖ ก.พ. ที่ผ่านมา ได้ออกเดินทางไปทิมพูเพื่อไปเที่ยวงาน Takin Festival ที่ Gasa โดยอาศัยติดรถลุงของเพื่อนที่รู้จัก ตอนนัดกันก็บอกว่าให้เตรียมตัวประมาณตี ๕ ครึ่ง เราก็ตื่นแต่เช้าออกมานั่งๆ นอนๆ รอ หนาวก็หนาว พอสัก ๖ โมงครึ่งก็เลยโทรไปตาม ก็ได้ความว่ายังไม่ออกเลย ถ้าไปถึงแล้วจะบีบแตรเรียก ด้วยความเซ็งสุดๆ (แต่ก็ทำใจไว้แล้ว) ก็เลยไปเอาฮัทเตอร์มาเปิดนอนรอจนประมาณ ๘ โมงครึ่งถึงจะโผล่มา เอากับเขาสิ ลุงคนขับรถพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ก็ได้แต่นั่งใบ้ไปตลอดทาง หลับๆตื่นๆ เมารถบ้างบางจังหวะ พอมาถึง Sengor แวะกินข้าวเสร็จก็เดินทางต่อเข้าสู่ Trumshimla National Park ฝนก็เริ่ใปรอยปรายลงมา สักพักพอไต่ระดับขึ้นไปสูง ก็กลายเป็นหิมะ และก็เริ่มสะสมจนขาวโพลนตามต้นสนและข้างทาง อากาศค่อนข้างหนาวแต่ลุงคนขับดันเปิดหน้าต่างตลอด หนาวตั้งแต่ขายันหัวเลยทีเดียว พอมาถึง Bumthang ก็มืดแล้ว หิมะก็ยังไม่หยุดตก ถามลุงว่าจะนอนโรงแรมที่ไหน ก็ได้คำตอบลางๆ ว่า Trongsa ทีแรกก็นึกว่าไปนอนที่ Trongsa แต่ก็ไม่ได้ไป แค่แวะไปเติมน้ำมันแล้วก็กลับมาในเมือง (มารู้ทีหลังว่ามีโรงแรมชื่อ Trongsa ที่นี่ด้วย) ก็เลยบอกให้ลุงไปส่งที่โรงแรง Trashi Yangkhel ที่นอนประจำแทน ที่โรงแรมมีรถเยอะพอควรแต่ก็มีห้องว่าง ลุงไม่นอนที่นี่เลยนัดออกเดินทางประมาณ ตี ๕ ครึ่งและขอเบอร์ผ่านล่าม พอเก็บของเสร็จก็แวะไปกินโมโม่ในเมืองและเดินเล่นเล็กน้อยก่อนกลับมาโรงแรม อากาศที่นี่หนาวจึงต้องจุดเตาผิงที่เรียกว่า Bukkhari ซึ่งใช้ไม้ฟืนและให้ความร้อนดี สักพักประมาณ ๓ ทุ่มไฟดับ ก็เลยเข้านอน แต่สักพักไฟก็มา ตอนเช้าตื่นตี ๕ ออกไปชะโงกดูข้างนอกปรากฎว่าหิมะยังไม่หยุดและตกหนักพอควร ขาวโพลนไปหมดแถมไฟก็ดับ พอดีมีคนอยู่แถวนั้นเลยให้เขาช่วยคุยกับลุงหน่อย ก็ได้ความว่ายังออกเดินทางไม่ได้ ถ้าไปได้แล้วจะโทรบอก ก็เลยขึ้นไปนอนต่อ สักพักลุงโทรมาแต่คุยไม่รู้เรื่อง นึกว่าไปได้แล้วที่ไหนได้ปรากฎว่าถนนปิดโดย RSTA ไม่ให้ออกเดินทางเพราะอันตราย รถบัสที่ออกไปแล้วก็กลับมาจอดที่เดิม พอเช้าหิมะก็ยังไม่หยุด ลองถามคนแถวนั้นดูก็บอกว่าวันนี้คงออกเดินทางไม่ได้แน่ๆ ต้องทำใจ เลยสั่งข้าวเช้าเป็นข้าวผัดผักกากๆ มีเศษผักปนอยู่นิดๆ ห่วยแตกที่สุด จากนั้นก็ออกไปเดินเล่น ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนรองเท้าเปียกก็เลยกลับมานั่งผิงเตาที่ชั้นล่างของโรงแรมโดยมีคนภูฏานนั่งคุยกันอยู่หลายคน คนแรกเป็นข้าราชการเกษียรแล้ว เคยเป็นครู, Bumthang Dzongdag, Secretary of National Assembly, High Court เยอะแยะมากมาย…
-
Happy Losar
วันนี้เป็นวันดีวันขึ้นปีใหม่ตามแบบฉบับชาวพุทธทิเบต ซึ่งมักจะฉลองกันแถบตอนเหนือของอินเดียที่นับถือพุทธทิเบต การนับวันขึ้นปีใหม่นี้นับโดยใช้ปฏิทินจันทรคติทำให้ได้วันออกมาไม่ตรงกันทุกปี แต่ก็จะใกล้เคียงกับวันตุษจีนเสมอเพราะนับแบบเดียวกัน โดยปกติชาวบ้านจะทำความสะอาด ทำอาหารฉลองกันอย่างเต็มที่ อยู่กันพร้อมหน้าครอบครับและญาติพี่น้อง แต่เท่าที่สอบถามดูไม่ค่อยมีใครไปวัดกันสักเท่าไรนัก ส่วนใหญ่จะออกไปกินอาหารนอกบ้านมากกว่า (แค่ถือจานออกไปกินกลางแดด ก็นับ) ซึ่งก็เรียกกันสวยหรูว่าปิคนิค ช่วงหลังปีใหม่นี้ ในเดือน ๑ ของทางจันทรคติจะเป็นเดือนที่งดเว้นการขายเนื้อสัตว์ทุกชนิด (แต่ไม่งดกิน) ทำให้ช่วงนี้ร้านเนื้อจะปิด ๑ เดือนเต็ม แต่คนส่วนใหญ่มักจะซื้อเนื้อมาตุนเอาไว้อยู่แล้ว ช่วงก่อน Losar นี้จะมีสัตว์ถูกเชือดมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการเนื้อและการกักตุน ทำให้คิดว่าแท้จริงแล้ว คนเหล่านี้ได้เข้าถึงแก่นแท้ของการงดเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือเปล่านะ ว่าแล้วเราก็ตุนไม่ทันคนภูฎานก็ก้มหน้ากินหัวกะหล่ำปลีกันต่อไป T_T
-
Bhutan work permit extension and visa renewal
I always try to avoid getting involved with any bureaucratic transaction in any countries especially in Asia. However when the time has come and thing is unavoidable, my work permit and visa is soon to expire. As you may tried to find any information about the renewal. You might have read Bhutan Observer story about expat teachers had their hard time getting their documents done. I faced the same problems. I try not to blame any of my colleagues or principal (so who to blame then?) and try to finish this myself. I am going to describe this stupid, ineffective procedure for anyone who is going to do the same.…
-
Festival at Bumthang
การเดินทางจากทราชิกังไปทิมพูต้องแวะค้างคืนที่บุมทัง เรามาได้โอกาสกำลังเหมาะเขากำลังจัดเทศกาลถึง ๒ เทศกาลพร้อมกันคือ Jambay Lhakhang Drup, Prakhar Duchhoed ซึ่งจัดซ้อนกัน เวลาแต่ละปีจะเปลี่ยนไปเพราะเค้าดูตามปฏิทินจันทรคติ Jambay Lhakhang Drup จัดขึ้นที่วัดจัมเบ มีอะไรน่าสนใจอยู่บ้างคือพิธีตอนกลางคืนประมานสัก ๒ ทุ่มคือ Mewang เป็นพิธีเต้นรอบกองไฟเพื่ออวยพรให้หญิงที่มีลูกยากได้มีลูกตามต้องการ (เราไปไม่ทัน) และสุดท้ายคือ Tercham หรือ Naked dance ที่เลื่องชือ ที่เรามาที่นี่ก็เพราะอยากรู้ว่ามันจะเจ๋งยังไงนี่แหละ เรามาถึงงานตอน ๓ ทุ่ม เจอกลุ่มคนญี่ปุ่นที่เป็นอาสาสมัครมากพอควร ก็ชวนกันคุยเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ เพื่อรอดู Naked Dance ซึ่งจะเริ่มเที่ยงคืน สักพักก็ทนหนาวไม่ไหวเลยไปหาอะไรดื่มที่เพิงด้านนอกเหมือนงานวัดไทยหรือ Yatai ที่ญี่ปุ่น พอได้สักเกือบเที่ยงคืนก็กลับมายืนจองที่ดู อากาศหนาวมากที่สุด ปากสั่นมือสั่นกันทีเดียว (เสื้อหนาวมีน้อยด้วย) แต่ยืนเบียดๆ กันก็ไม่หนาวมาก จนกระทั่งเที่ยวคืนพิธีอันไม่น่าตื่นตาตื่นใจก็เริ่มขึ้น มีคนแก้ผ้า (ผู้ชายนะ) พันหน้าตาอย่างดีออกมากระโดดโลดเต้นไปเรื่อยๆ สักพักก็ทยอยออกมามากขึ้นมีทั้งอันเล็กอันใหญ่ ปนๆ กันไป การเต้นดูไม่มีสาระเลย กระโดดไปกระโดดมา บางที่ก็ไปแกล้งคนดูโดยการกระโดดไปตรงหน้าเค้าซะงั้น สักพักนักเต้นก็หนาวเลยไปยืนกุ้มเป้าผิงไฟเต้นไม่ออก มีอยู่จังหวะหนึ่งลมพัดแรงพาสะเก็ดไฟลอยละลิ่วไปปะทะตามตัวนักแสดง กระโดดหลบกันเหยงๆ เป็นที่น่าเวทนา เราทนดูได้สัก ๕ นาทีก็เผ่นเพราะรู้สึกว่าไร้สาระและก็หนาวมากๆ :(ไม่มีรูปเพราะเค้าไม่ให้ถ่าย ถึงถ่ายได้ก็ไม่อยากถ่าย) วันรุ่งขึ้นอากาศก็ดีมาก อันดับแรกต้องไปหาซื้อตั๋วรถบัสไปทิมพูก่อนที่จะหมด เดินหาท่ารถอยู่นานก็ไม่มีจนต้องไปถามตำรวจเค้าเลยชี้ไปที่ร้านขายของชำซึ่งมีป้ายบริษัทรถเล็กๆปิดอยู่เลยถึงบางอ้อ ที่นี่ไม่มีท่ารถแต่รถแต่ละบริษัทจะจอดที่ร้านขายตั๋วของตัวเอง จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นชมวิวไปตามจุดต่างๆ ทั้งภูเขา Jakar Dzong และ Wangdue Choling Palace มีใบไม้เหลืองแดงบ้างสร้างบรรยากาศน่ารื่นรมณ์ เสร็จแล้วก็ไปที่วัดจัมเบเหมือนเดิมเพื่อนไปดูการแสดงแบบปรกติซึ่งได้ดู ๒ ชุดคือ ระบำหน้ากากบรรยายเกี่ยวกับธรรมมะบทต่างๆ และแสดงตลกคลายเครียดซึ่งหลังๆ ดูแล้วเครียดเพราะไม่รู้มันทำอะไร คนดูก็เซ็งๆ ลุกหนีหายไปพอควร พอพระอาทิตย์ตกดินก็กลับที่พักเพราะต้องออกแต่เช้า